29 มีนาคม 2554

แค่กวาดลานวัด...ก็วัดสติปัญญาได้

แค่กวาดลานวัด...ก็วัดสติปัญญาได้
Clean not Clear

         ช่วงบ่ายของทุกวันเป็นเวลาทำกิจวัตรส่วนรวม โดยปกติก็กวาดตาด หรือตีตาด หรือกวาดใบไม้ ก็แล้วแต่จะเรียก  สิ่งที่ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นจากตัวเอง หรือจากคนอื่นก็ดี  มันทำให้เกิดความคิดในบางแง่มุม  เรื่องง่ายๆ แค่การกวาดใบไม้ บางทีมันก็มีบทเรียนที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ บางคนอาจจะคิดว่า...การกวาดใบไม้มันจะยากอะไร แค่หยิบไม้กวาดมาแล้วก็กวาดไปเท่านั้นเอง  แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะมีบางมุมที่หลายคนไม่ได้มอง หรือไม่ได้คิด 
         บางคนทำอย่างที่ว่ามา..คือหยิบไม้กวาดมา แล้วก็รีบกวาดลงไปทันทีภายในเสี้ยววินาที โดยไม่ได้คิดเลยว่าเขาต้องการจะกวาดเพื่ออะไร กวาดไปทางไหน ขอให้ได้กวาดเถอะ เขาพากวาด ก็กวาดลงไปเลย ถึงมันจะวนไปวนมายังไงก็ไม่สน 
         บางคนก็...ออกแรงกดไม้กวาดลงไปเต็มแรง ราวกับว่าไปโกรธใครมาก่อนหน้านี้ จนพื้นดินสึกกร่อนขึ้นมาเป็นกอง หรือปลายไม้กวาดหักกระจายไปตามทาง เพราะลืมคิดไปว่า...นี่ให้กวาดใบไม้ ไม่ใช่ให้กวาดดิน
         บางคนก็...ชอบที่จะกวาดมากระจุกไว้เป็นหย่อม ๆ แล้วไปหาภาชนะอะไรมาใส่ หรือเที่ยวไปถามหาว่าเข่งอยู่ไหน เพื่อจะให้ได้เสร็จเร็วๆ จนรู้สึกว่า...แค่มีไม้กวาดอย่างเดียวมันไม่พอกับงานนี้ซะแล้ว  บางทีเดินไปหาตั้งไกล หายไปครึ่งค่อนชั่วโมง ถ้ากวาดธรรมดาๆ มันก็เสร็จแล้ว
         บางคนก็...กวาดกลับมากองรวมกันไว้เป็นจุด อย่างกับว่า..อยู่ชุมพรก็กวาดมารวมที่กรุงเทพฯก่อน แล้วค่อยกวาดไปนราธิวาสพร้อมกันอีกที มันจะได้ดูเป็นกลุ่มเป็นก้อน คงลืมคิดไปว่า..ยิ่งใบไม้กองหนาก็ยิ่งจะทำให้ปลายไม้กวาดหักง่ายขึ้น  หรือต้องออกแรงในการกวาดแต่ละครั้งมากเกินจำเป็น แล้วจะเสียเวลากวาดย้อนมาอีกทำไม
         บางคนก็...กวาดตะล่อมไปตะล่อมมาอยู่นั่นแหละ จะกวาดไปทางไหนก็ไม่ไปสักที ชนิดที่ดูแล้วไร้จุดหมายปลายทาง ไม่รู้จะกวาดไปไหน จะทำให้เสร็จเมื่อไหร่ ไม่สนเลย  หรือบางทีก็ออกแรงกวาดจังหวะสั้นๆ เหยาะๆ ไป รั้งไม้กวาดไว้ ใช้รัศมีการกวาดสั้นๆ  ไม่ปล่อยให้มันเหวี่ยงไปเต็มที่ตามธรรมชาติ ทำราวกับว่ากลัวใบไม้จะปลิวไปไกลเกินไป 
         บางคน...พอเห็นมีใบไม้เยอะ ก็เกิดรู้สึกท้อไปก่อนแล้ว คิดกังวลใจไปว่าเมื่อไหร่งานนี้จะเสร็จสักที กวาดไปก็เป็นทุกข์ไป เพราะอยากจะรีบให้เสร็จเร็วๆ อย่างกับว่าถ้ากวาดไม่เสร็จภายในห้านาทีหรือสิบนาทีนี้ จะโดนประหารชีวิตเป็นแน่
         นี่คือ ยกตัวอย่างเท่าที่จำได้ แต่ละคนมีลีลาแตกต่างเฉพาะตัวจริงๆ ถ้าจะบอกว่าเป็ฯปัจจัตตังก็ได้  ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า จะมีใครสักกี่คนที่คิดบ้างว่า... การกวาด..ต้องกวาดให้มันไปในทางที่ควรจะไป  ต้องกวาดเบาๆ เอาเฉพาะใบไม้ออกไป ให้ดินเหลือไว้  องศาของการจับไม้กวาดหรือมุมที่ไม้กวาดกระทบพื้นอย่างพอดีจะช่วยยืดอายุไม้กวาดได้นานขึ้น  ถ้าออกแรงกดไม้กวาดในแนวดิ่งมากไปมันจะทำให้ปลายไม้กวาดหักหรือสึกเร็วเกินควร  แม้จะกวาดไปเรื่อยๆ แบบจังหวะธรรมดาๆ โดยไม่ต้องกดดันหรือรีบร้อน..งานนี้ก็จะเสร็จเรียบร้อยได้เหมือนกัน เพระทุกครั้งที่กวาด ต้องมีใบไม้บางส่วนถูกผลักให้เคลื่อนไปเสมอ  กวาดให้มันตรงๆ ไปเลยรวดเดียวจะไม่ดีกว่าการกวาดแบบตะล่อมไปตะล่อมหรือ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น การกระทำหรือการแสดงออกของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป มันสะท้อนให้เห็นถึงความคิดและสติปัญญาทั้งนั้น  มันเต็มไปด้วย อัตตา หรือ ความเป็นตัวตน (ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม) ในรูปแบบที่ ลึกซึ้ง จนเราไม่รู้จัก เพราะเราไม่เคยเห็นกันมาก่อน หรือไม่เคยได้ฟังใครชี้บอกเรื่องนี้มาก่อน  ศิษย์โง่ก็เลยได้เรียนรู้ตัวเองทุกครั้งที่กวาดตาด ได้เห็นว่าในใจมันกระวนกระวายอย่างไร คิดถึงเรื่องอะไรบ้าง แล้วทำไมมันต้องคิดถึงเรื่องนั้น
         เบื้องต้นแห่งคำตอบของทุกความคิด ที่ระลึกไปถึงอดีตทั้งๆ ที่มันผ่านไปแล้ว และที่วางแผนว่าจะไปทำอะไรในอนาคต ก็คือ เรายังติดข้องเรื่องนั้น นั่นเอง  มันติดข้องเพราะอะไร ก็เพราะเรายังมี ความเห็นไม่ถูกต้องในเรื่องนั้น ทำให้เรายังคิดถึงเรื่องนั้น จนลืมว่า ปัจจุบันกำลังทำอะไรอยู่  แล้วเราจะรับมือกับมันด้วยกระบวนท่าไหนในขณะที่เผชิญหน้ากันอย่างซึ่งๆหน้า เราจะถอยฉากไปก่อนชั่วคราว..หนีไป..โดยการหันไปให้ความสำคัญกับอย่างอื่นแทน เช่น ทำความใจให้สงบอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  หรือจะต่อสู้กันตรงๆ ด้วยปัญญา..เพื่อยุติปัญหาแบบถาวร  
         บทเรียนในวันหนึ่ง ขณะกำลังถูกุฏิหลวงพ่อ ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นท่านกำลังกวาดตาดอยู่ที่ลานหินข้างๆ จึงหยุดแล้วตั้งใจมอง (ไม่ว่าท่านจะทำอะไร จะพูดกับใคร หรืออุทานออกมาเพียงประโยคสั้นๆ ข้าพเจ้าให้ความสำคัญเสมอ เพราะทุกอย่างเป็นบทเรียนจริงๆ) ข้าพเจ้าเห็นท่านกวาดลานอย่างเป็นจังหวะๆ ราวกับตั้งโปรแกรมไว้ อิสระ พลิ้วเบา แต่มั่นคงราวกับจะกวาดโดยไม่ให้พื้นหินสึกกร่อนเลย จนข้าพเจ้าเกิดอุทานขึ้นมาในใจว่า วรยุทธ์ลึกล้ำมาก
         สหายโง่ ลองคิดดูเถิดว่า...การกวาดตาดที่เราเห็นเป็นงานง่ายๆ แต่เราคนโง่..ก็ยังทำมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ง่าย เพราะมันยังคง เป็นใคร อยู่ในขณะที่กวาดนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้หมายเฉพาะงานกวาดตาด แต่ ทุกงานที่เราทำ มันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และเป็นบทเรียนเสมอ มันอยู่ที่ว่าเราจะเรียน..แล้วรู้อะไร ???

         ปล. ที่ได้โอกาสหยิบเรื่องนี้มาเขียนสักที ก็เพราะมีโยมท่านหนึ่ง มาช่วยกวาดลานแล้วก็เดินมาถามข้าพเจ้าว่า ทำไมผมกวาดไม่เหมือนท่าน” ? และ ขณะกวาดทำไมผมคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมายเหลือเกิน” ? “ดีแล้วที่รู้จักคิดลองกวาดบ่อยๆ แล้วจะรู้คำตอบได้เอง..ถ้าไม่หยุดคิด บทความนี้ก็อาจจะช่วยจุดประกายได้บ้าง
         พระอาจารย์พูดบ่อยๆ ว่า คิดต่อไป แล้วสักวัน มันจะถึง ก็จะกลายเป็น คิดถึง  ตอนนี้แม้ว่ายัง คิดไม่ถึง มันก็ยังดีกว่า ไม่คิดถึง เอาซะเลย (ท่านพูดแบบนี้เป็นธรรมดาปกติ ไม่ใช่การเล่นคำ แต่คนมีหัวไว้คิดก็คงจะคิดต่อเอง...)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น